บทที่ 6 เจตคติ / ค่านิยม / วัฒนธรรมองค์การ


บทที่ 6 เจตคติ
          ความหมาย แชพแมน นิยามคำว่าเจตคติว่าเป็นชุดความคิดที่ทำให้คนกระทำการต่อสิ่งเล้าที่ได้รับในลักษณะนิสัยที่สามารถทำนายได้ คำนิยามนี้ชี้ให้เห็นว่า เราพัฒนาขุมความคิดเป็นชุด ๆ ที่เป็นเหตุให้ตีความสิ่งที่เห็น หรือรู้สึกต่อสภาพแวดล้อมที่สามารถบ่งบอกได้ล่วงหน้าหรือ อีกในหนึ่งคนตอบโต้สถานการณ์ด้วยการตัดสินใจไว้ล่วงหน้าอันเป็นผลมาจากชุดความคิด-เจตคติ ที่ก่อร่างขึ้นมานั่นเอง
          คลีเมนตส์ กล่าวว่าคำว่านิยาม เจตคติ ได้อย่างยิ่งในหลายปีที่ผ่านมา นักจิตวิทยาหลายคนพยายามให้คำจำกัดความคำว่า เจตคติ ว่าควรมีลักษณะดงนี้
          1. เป็นความเชื่อหรือความคิดที่มีจิตสำนึกรับรู้
          2. อาจเป็นทางบวกหรือทางลบหรือเป็นกลาง ๆ
          3. เปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็มีอารมณ์เป็นเจ้าเรือน
          4. กระตุ้นให้เกิดการกระทำ
องค์ประกอบ
          เจตคติมีองค์ประกอบดังนี้
          1. องค์ประกอบ เจตคติ ประกอบด้วยความรู้ อารมณ์ ความรู้สึก แล้วจึงแสดงเป็นท่าทีพฤติกรรมที่แสดงออกมา
          2. ที่มาของเจตคติ เจตคติค่อย ๆ เกิดในตัวคน เป็นผลมาจากการเรียนรู้หรือประสบการณ์ บางครั้งจากการคิดเลียนแบบคนอื่น
          3. เจตคติมีหน้าที่ทำอะไร
                   3.1 หน้าที่เป็นเครื่องมือ
                   3.2 ทำหน้าที่ปกป้องอัตตาของตน
                   3.3 หน้าที่แสดงออกซึ่งค่านิยม
                   3.4 หน้าที่ด้านความรู้
          4. ประโยชน์ของเจตคติ เจตคติด้านบวก ให้ประโยชน์แก่ผู้ติดต่อสัมพันธ์ ก่อให้เกิดความกระตือรือร้น สัมพันะภาพ
          5. ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเจตคติ
                   5.1 คลื่นสภาพแวดล้อม
                   5.2 ปัญหาภาพลักษณ์ตนเอง
                   5.3 ลอยตามกระแสลม
การปรับเจตคติ
          เนื่องจาก คนมีแนวโน้มมีเจตคติด้านลบ จึงต้องมีการปรับเจตคติของตนเสมอ เพื่อเจตคติด้านบวก
วิธีปรับเจตคติ  1 แผ่นผลิก
          จิมรู้สึกสิ้นเนื้อประดาตัว เมื่อเปิดห้องพักเข้าไป ทุกอย่างกระจัดกระจายไปทั่วห้อง เขาสำรวจ ของมีค่าหลายรายการหายไป หลังประเมินสถานการณ์  เขาโทหาแมรี่ จิมพุดว่า ผมนึกเห็นทางที่เราจะหาเหตุไปพักผ่อนที่เม็กซิโกได้แล้ว ผมถูกยกเค้า แต่ค่าประกันบ้านพึ่งจ่ายไปเรียบร้อย มานี่ซิ ช่วยผมจัดข้าวของทำความสะอาดระหว่างเราวางแผนไปเที่ยวเม็กซิโกกัน
วิธีปรับเจตคติ 2 เล่นด้านชนะ
          ชุลีมีสิ่งที่เรียกว่า เวลาพิเศษของเธอยกตัวอย่างเช่นการฟังเพลงคลาสสิก ออกไปเดินที่ชายหาด หรือหาอาหารที่อร่อยกินกับเพื่อนรู้ใจ แน่นอนว่า ชุลีมีองค์ประกอบด้านลบอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เธอเบื่องานตัวเอง แล้วก็ขัดแย้งกับเพื่อนชายที่ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย เธอจัดให้ตัวเองดำรงด้านบวกไว้ เพราะเธอเรียนรู้วิธีเล่นฝ่ายชนะของเธอ
วิธีปรับเจตคติ 3 การคงความเรียบง่าย
          บางคนเป็นทาสของของ ห้อมล้อมด้วยข้าวของมากกว่าจำเป็นหรือ มีเวลาชื่นชมขอบคุณธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ของจิระศักดิ์ เขากับรจนามีบ้านหรูบรรจุด้วยอุปกรณ์ต่างชนิด นานาประเภท ข้าวของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลาย รวมทั้งคอมพิวเตอร์ส่วนตัวสองเครื่อง นอกจากนั้นยังมีบ้านตากอากาศชายทะเล มอเตอร์ไซด์สองคัน รถยนต์สี่คัน ดูข้าวของเหล่านี้จะอำนวยสุขให้ครอบครัว ทว่าน่าเศร้า เขามัวยุ่งกับการบำรุงรักษาแล้วก็เป็นห่วงเป็นกังวลเกินกว่าจะหาเวลาชื่นชมได้จริง ๆ
การมองภาพ
          ใช้ภาพจริง ภาพถ่าย หรือสัญลักษณ์ หรือภาพในความคิดให้เห็นภาพรางวัลแห่งความสำเร็จ ความสำเร็จตามเป้าหมาย หรือภาพที่ต้องการให้เกิดขึ้นจริงที่อาจใช้ภาพถ่ายจาก นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ บรรยายสิ่งที่คุณต้องการได้ดำรงตำแหน่งที่นั้น  เช่น
          1. อาคารองค์การสหประชาชาติ
          2. อาคารเป็นสิ่งที่ตั้งของสำนักนายกรัฐมนตรี
          3. เห็นภาพตัวเองสวมเสื้อผ้าชุดตำแหน่งนั้น
          การมองเห็นภาพหรือใช้ภาพเพื่อให้มองเห็น ช่วยเป็นเครื่องกระตุ้นปลุกเร้าให้เกิดการกระทำไปสู่ความจริง นอกจากนั้นก็ยังอาจติดภาพที่ต้องการเป็นต้องการ มีไว้ที่บอร์ดในบ้าน ที่ทำงาน เพื่อให้เตือนตน ติดภาพไว้ที่กระจกเงาเพื่อจะได้มองเห็นทุกบ่อย ๆ
ความหมายของค่านิยม
          ค่านิยม ความคิดของของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เห็นว่าเป็นที่พึ่งปรารถนา ซึ่งมีผลต่ออารมณ์และการแสดงออกของบุคคลอาจเรียกสิ่งนั้นได้ว่าค่านิยม ค่านิยมมีอิทธิพลและความหมายต่อการเลือกและเป็นจุดหมายปลายทางในการกระทำ โดยบุคคลจะมีจุดมุ่งหมาย หรือการกระทำหลังจากที่ได้ประเมินค่าแล้ว
          ค่านิยม คือ สิ่งที่บุคคลยึดถือปฏิบัติเป็นรูปแบบของความเชื่อที่ แต่ละคนยืดถือว่า ควรจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ ควรปฏิบัติอย่างไร ควรพิจารณาเลือกสรรแล้วว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ก็จะปฏิบัติหรือยกเว้นการปฏิบัติ ค่านิยมมีอิทธิพลต่อ การแสดงพฤติกรรมของบุคคล และยังเป็นสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของบุคคล เพราะพฤติกรรมหรือการแสดงออกต่าง ๆ ของบุคคลย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะ ค่านิยมที่บุคคลนั้นมีอยู่
กระบวนการเกิดและพัฒนาการของค่านิยม
          ค่านิยมเกิดจากการเรียนรู้ ประสลการณ์ตั้งแต่วัยเด็ก จากสิ่งแวดล้อมในบ้านจะรับเอา ค่านิยมต่างๆ จากบิดามารดา บุคคลรอบๆ  ตัวเมื่อเข้าโรงเรียนก็จะรับเอาค่านิยมจาก โรงเรียน จากสถาบันสังคมอื่น ๆ เช่น สโมสร วัด กลุ่มเพื่อนๆ ตลอดจน สื่อสารมวลชนต่าง ๆ ค่านิยมส่วนที่รับรู้ใหม่ ๆ แตกต่างจากที่เคย มีมาก่อนจากบิดามารดา และพอใจค่านิยมใหม่ก็จะ ทิ้งค่านิยมบางอย่างไป
กระบวนการเกิดค่านิยม ดังนี้
          1. ความรู้สึก มีความรู้สึกสะดุดใจจากสิ่งที่ตนได้พบได้ยิน หรือเคยมีประสบการณ์ เกิดการรู้สึกนึกคิดในค่านิยมที่ตนมีอยู่
          2. ความคิดเห็น หมายถึง ระดับความจำ การแปรความการตีความ เนื่องจากเกิดความรู้สึก สะดุดใจซึ่งจะเกิดจากความและเป็นความคิดเห็นประเภทใด ประเภทหนึ่ง หรือคล้องร่วมกัน
          3. การติดต่อสื่อสารและการถ่ายทอด วิธีที่นี้สามารถทำได้โดยคำพูด หรือโดยทางอื่น
          4. การเลือกเชื่อและศรัทธา ขั้นตอนนี้ เป็นการพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปจากทางเลือกอื่น ๆ
          5. การปฏิบัติ เป็นขั้นตอนที่ทำตามซ้ำกับที่เคยทำมา หรือจากที่เลือกใหม่ เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้จะเกิดความเชื่อมั่น และมีศรัทธาในพฤติกรรม
ความหมายของวัฒนธรรมองค์การ
          วัฒนธรรมเป็นแบบอย่างการดำรงชีวิตของกลุ่มคน ซึ่งการกำหนดบทบาทและพฤติกรรมที่ประกอบด้วย ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติ เป็นต้น  ที่รวมกันเป็นแบบวัฒนธรรม ที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
          วัฒนธรรม ซึ่งเป็นแผนการดำเนินชีวิตที่กำหนดบทบาท และพฤติกรรมของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมหนึ่ง ๆ มาสู่แบบแผนการดำเนินชีวิตในการทำงานของมนุษย์ที่อยู่รวมกันภายในองค์การ ซึ่งเป็นแบบแผนในด้านความคิด ความเชื่อค่านิยม ที่บุคคลนั้นต้องมีต่อองค์การ ผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์การ โดยเป็นตัวแทนของแบบแผนที่ซับซ้อนของความเชื่อและการแบ่งปันสิ่งที่คาดหวัง ประกอบด้วย
          1. การแสดงออกที่คล้ายคลึงกันของพฤติกรรมผู้ปฏิบัติ
          2. การกระจายบรรทัดฐานไปทั่วทั้งองค์การ
          3. มีค่านิยมขององค์การที่ยึดถือกันอย่างเหนียวแน่นหรือเข้มแข็ง
          4. มีการเน้นปรัชญาองค์การ
          5. มีกฎเกณฑ์เพื่อการดำเนินงาน
          6. มีการแสดงออกด้วยบรรยากาศขององค์การ
วัฒนธรรมองค์การ ดีล และ เคเนดี้
          ดีล และ เคเนดี้ ได้สำรวจบริษัทหลายร้อยบริษัท และได้บ่งชี้วัฒนธรรมเป็นสี่ประเภท คือ วัฒนธรรมบึกบึน วัฒนธรรมทำหนัก/เล่นหนัก วัฒนธรรมเดินพันองค์การ และวัฒนธรรมแบบกระบวนการ
          วัฒนธรรมเหล่านี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดของการเสี่ยง ที่พ่วงกับกิจกรรมขององค์การ และความรวดเร็วของการตอบกลับที่ได้จากลูกค้า
          1. วัฒนธรรมบึกบึน
          เป็นวัฒนธรรมที่นิยมความเสี่ยงสูง ตอบกลับรวดเร็วเรื่องความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติงานของตน ตำรวจ แพทย์ ที่ปรึกษาทางการบริหาร และอุตสาหกรรมบันเทิง อาจแสดงออกในวัฒนธรรมบึกบึน
          2. วัฒนธรรมทำหนัก/เล่นหนัก
          เป็นวัฒนธรรมที่เสี่ยงต่ำ ตอบกลับการปฏิบัติงานรวดเร็ว ฝ่ายขายที่มีจิตใจสนุกสนานเป็นลักษณะของวัฒนธรรมนี้ องค์การที่ทำหนัก/เล่นหนัก มีได้ทั้งองค์การที่เป็นอุตสาหกรรมการบริหาร
          3. วัฒนธรรมเดินพันองค์การ
          เป็นองค์การที่เสี่ยงสูง และรอเวลายาวในการตอบโต้กระทำการและตัดสินใจ เพราะ การลงทุนสูง ระยะยาวทั้งผลลัพธ์ที่จะได้ก็ระยะยาว
          4. วัฒนธรรมแบบกระบวนการ
          เป็นวัฒนธรรมที่เสี่ยงต่ำและการตอบโต้ช้า การตอบโต้การกระทำและการตัดสินใจดูคล้ายจะไม่เคยมีเลย วัฒนธรรมเช่นนี้มักเป็นวัฒนธรรมของข้าราชการพลเรือน องค์การภาครัฐ  ธนาคาร บริษัทประกันภัย ระยะยาวนานในการตอบกลับที่ผู้ปฏิบัติการมุ่งเน้น




อ้างอิง หนังสือการพัฒนาประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น