บทที่ 7 บุคลิกภาพ


บทที่ 7 บุคลิกภาพ
          ความหมายของบุคลิกภาพ
กรีนเบอร์กและบารอน กล่าวว่า บุคลิกภาพเป็นเอกลักษณ์หรือลักษณะเฉพาะที่ค่อนข้างคงที่ของรูปแบบพฤติกรรม ความนึกคิด และอารมณ์ที่แสดงออกมาของแต่ละบุคคล
          ลุยส์เออร์ นิยามบุคลิกภาพว่า เป็นชุดของลักษณะที่ค่อนข้างคงที่ที่ช่วยอธิบายและทำนายพฤติกรรมของคนแต่ละคน
          รอบบินส์ นิยามว่า บุคลิกภาพเป็นผลรวมของวิธีที่แต่ละคนกระทำและมีปฏิกิริยาต่อคนอื่น
          อาร์โนลด์และเฟลด์แมน กล่าวถึงบุคลิกภาพสรุปได้ว่า บุคลิกภาพเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมส่วนตัวของคน บุคลิกภาพเป็นลักษณะส่วนตัวชุดหนึ่งที่คงที่ของคนคนนั้น
          การจำแนกบุคลิกภาพ
          นักจิตวิทยา ได้จำแนกบุคลิกภาพเป็นหลายวิธี บางคนแบ่งเป็นพวกแสดงออก กับพวกไม่แสดงออก แบ่งเป็นส่วนที่เป็นรูปธรรม-ปรากฏกายภายนอก เช่น รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ การแต่งกาย กิริยาท่าทาง เรียกว่า บุคลิกภาพภายนอก กับส่วนที่บุคลิกภาพภายใน นักจิตวิทยาได้แบ่งปันลักษณะนิสัย 16 อย่าง ขณะเดียวกัน ยังแบ่งบุคลิกภาพ พวก Type A และพวก Type B
1.       พวกแสดงออกกับพวกไม่แสดงออก
1.1   พวกไม่แสดงออกมักเงียบ ขรึม ไม่ค่อยอยากพบหน้าผู้คน พวกไม่ชอบแสดงออกมีความรู้สึกอ่อนไหว กังวลต่อความรู้สึก
1.2   พวกแสดงออกกับพวกไม่แสดงออก ต่างมีความเหมาะกับตำแหน่งที่แตกต่างกันในองค์การ พวกชอบแสดงออกชอบจัดการเรื่องเกี่ยวกันคน
1.3   อีกพวกหนึ่งเรียกว่าพวกชอบครอบงำ เหมือนกับอยู่ในตำแหน่งที่สามารถแสดงอิทธิพลควบคุมคนอื่น คนที่ชอบครอบงำหรือแสดงอำนาจเหนือคนอื่นมักชอบเป็นศูนย์กลางของความสนใจและกิจกรรม

2.       ลักษณะนิสัยเบื้องต้นของคน 16 อย่าง
2.1 ยอมกับชอบอาชนะ
2.2 ฉลาดน้อยกับฉลาดมาก
2.3 กระทบโดยความรู้สึกกับอารมณ์
2.4 ยอมตามกับครอบงำ
2.5 เอาจริงเอาจังกับสนุกไปเรื่อย
2.6 ประโยชน์เฉพาะหน้ากับยึดมั่นหลักการ
2.7 ใจแข็งกับใจอ่อนไหว
2.8 ขลาดกลัวกับกล้าสี่ยงภัย
2.9 ไว้วางใจกับขี้สงสัย
2.10 ชอบปฏิบัติกับชองจินตนาการ
2.11 ตรงไปตรงมากับมีเหลี่ยมคู
2.12 มั่นใจในตนกับประหวั่นพรั่นพรึง
2.13 อนุรักษ์กับชอบทดลอง
2.14 พึ่งกลุ่มกับพึ่งตน
2.15 ควบคุมไม่ได้กับควบคุมได้
2.16 ผ่อนคลายกันตึงเครียด
          3. บุคลิกภาพแบบ Type A กับ Type B
              พวก          Type A จะมีบุคลิกภาพ
1.       มักเคลื่อนไหว เดิน กินอย่างรวดเร็ว
2.       มักอดรนทนไม่ได้ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
3.       พยายามคิดหรือทำงานสองอย่างหรือมากกว่าในคราวเดียวกัน
4.       ไม่ค่อยมีเวลาว่าง
5.       สาระวนอยู่กับตัวเลข การวัดความสำเร็จว่ามีมากน้อยเพียงใดในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนขวนขวาย
พวก Type B จะมีบุคลิกภาพ
1.       ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับเวลารีบเร่ง
2.       ไม่รู้สึกว่าต้องพูดคุยหรือแสดงอะไรในความสำเร็จ เว้นแต่ถูกบังคบให้ต้องทำ
3.       สนุกสนานเพลิดเพลินใจไปตลอดวัน
4.       สบายใจไม่กังวลสิ่งใด
4.บุคลิกภาพกับอาชีพ
    อาจแบ่งประเภทของบุคลิกภาพต่าง ๆ ว่าเขากันได้กับอาชีพอะไรบ้าง เช่น บุคลิกภาพจริงจัง มันเป็นพวกช่างกล นักขุดเจาะ คนประกอบชิ้นส่วย กสิกร คนชอบสังคม เป็นนักเศรษฐศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ ผู้สื่อข่าว คนชอบของเดิม ๆ หรือดั้งเดิม มักเป็นนักบัญชี ผู้จัดการบริษัท
          องค์ประกอบและความเหมาะสมของบุคลิกภาพ
          ในขณะปฏิบัติงาน การปรับปรุงบุคลิกภาพให้เหมาะแก่งานอาชีพ ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการส่งเสริมให้ได้รับความสำเร็จในอาชีพนั้น เช่น คนประกาศขายยาลดความอ้วน ควรมีรูปร่างทรวดทรง บอบบาง ชอบพบปะผู้คนการพัฒนาบุคลิกภาพให้เป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่พึงแสวงหา อาจแยกพิจารณาได้ตามหลัก 5 ของบุคลิกภาพและการบรรลุความเหมาะสมของบุคลิกภาพ ดังนี้
1.       หลัก 5 ประการของบุคลิกภาพ
1.1   ชอบแสดงออก มิตินี้จะวัดความสบายใจความสัมพันธ์ คนที่ชอบแสดงออกจะชอบเข้าสังคม พบปะผู้คน
1.2   ประนีประนอม มตินี้เป็นการดูความแตกต่างองการเข้ากับคนอื่น คนที่ประนีประนอมสูงจะเข้ากับคนอื่นได้ดี
1.3   ความมีสติ มิตินี้วัดความน่าเชื่อถือได้ คนที่มีสติสัมปชัญญะสูงจะเป็นคนรับผิดชอบ เจ้าระเบียบ พึ่งตนเองได้
1.4   ความมั่นคงทางอารมณ์ มิตินี้วัดความทนทานต่อความเครียด คนที่มีเสถียรภาพทางอารมณ์เป็นบวกจะสามารถทนต่อแรงกดดัน มีความมั่นคงในอารมณ์
1.5   ความมีใจเปิดรับประสบการณ์ มิตินี้วัดความสนใจและการมีใจกว้างต่อสิ่งใหม่ ๆ คนที่เปิดรับกว้างมักเป็นคนคิดสร้างสรรค์ อยากรู้อยากเห็น มีจิตสำนึก
2.       การบรรลุความเหมาะของบุคลิกภาพ
เดิมองค์การมักวิตกเรื่องที่ว่าบุคลิกภาพต้องเหมาะกับงาน ความวิตกยังคงมี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ความสนใจขยายไปยังความเหมาะขององค์การมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้สนใจเรื่องความสามารถของผู้ปฏิบัติงานที่จะทำงานเฉพาะด้าน แต่ต้องการความยืดหยุ่นเพื่อปรับให้เข้าได้กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ลักษณะของคนที่มีบุคลิกภาพดี                                                                                     
          การมีบุคลิกภาพที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันต้องการมี และต้องการเป็น ระเด่น ทักษณา  กล่าวว่า “คนมีเสน่ห์นั้น จะต้องประกอบด้วย มาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในต้องเยี่ยม และอื่น ๆ ซึ่งมาดต้องตานั้น มีส่วนทำให้เกิดเสน่ห์ทางตา ถึง 83% ส่วนวาจาต้องใจ คือ ฟังด้วยหูแล้วเกิดเสน่ห์เพียง 11% เท่านั้น” ดังนั้นปรากฏกาย คือ รูปร่างหน้าตา การแต่งกาย เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องบำรุงรักษาให้เกิดเสน่ห์ตลอดเวลา ดังนั้นแนวคิด มาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในต้องเยี่ยม ดังนี้
มาดต้องตา 10 ประการ ดังนี้
          1. มีนิสัยสดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ ยิ้มแย้มแจ่มใสกับผู้คน ทำด้วยความภูมิใจออกมาจากใจ
          2. ไหว้คนด้วยความอ่อนน้อม ลักษณะที่งดงาม สบตาทุกครั้งที่ไหว้
          3. เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่แสดงอำนาจวางท่าเย่อหยิ่ง
          4. เมื่อได้พบกับคนที่รู้จักกันแล้ว หรือครั้งแรกก็ตาม ควรแสดงความกระตือรือร้น ยินดีที่ได้พบ ที่ได้รู้จัก รีบลุกขึ้นยืนทักทายทันที
          5. คนคนมีเสน่ห์ ไม่รู้สึกเสียเกียรติ ที่จะกล่าวคำขอโทษ หรือขอบคุณใครก็ตาม ตั้งแต่คนงาน คนรถ คนใช้ ไปถึงระดับผู้ใหญ่ที่มีเกียรติ
          6. คนมีเสน่ห์ มีความสง่างาม รู้จักวางตัวเหมาะสม เคลื่อนไหวไม่ช้าเกินไปไม่เร็วเกินไป เมื่อเล่นก็เล่น เมื่อทำงานก็ทำงาน
          7. แต่งกายให้ถูกกาลเทศะ ไม่แต่งตามใจเรา แต่แต่งตามสภาพของงานที่จะไปและสิ่งแวดล้อมที่กำลังมีงานอยู่
          8. ถ้าหากงานที่จะไปนั้น เป็นงานใหญ่ของเจ้าภาพที่มีเกียรติยศและตำแหน่งหน้าที่การงานสูง เราไม่สามารถแต่งกายให้สมเกียรติได้ ก็อย่าไปดีกว่า เพราะจะทำให้เจ้าภาพเขาเสียหน้า
          9. ในงานพิธีต่าง ๆ เมื่อเราได้รับเชิญให้ลุกขึ้นยืนปรากฏตัวต่อหน้าชุมชน ควรจะกลัดกระดุมให้เรียบร้อยทุกเม็ด
          10. คนมีเสน่ห์ เมื่อไปงานพิธีใหญ่ ต้องแต่งกายรัดกุมถูกกาลเทศะไม่พกของตุงกระเป๋า
วาจาต้องใจ
          11. คนมีเสน่ห์ เมื่อพูดกับใคร หรือใครพูดด้วยต้องให้ความสนใจ 100% ด้วยอาการใจจดใจจ่อ
          12. เราต้องพูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง จะไม่พูดในสิ่งที่เราอยากพูด
          13. ให้พยายามพูดในภาษาของคนฟัง ไม่ใช่พูดในภาษาของคนพูด
          14. คนมีเสน่ห์ ควรแบ่งบทพระเอกให้คนอื่นเป็นบ้าง อย่าถือว่าเก่งคนเดียว
          15. ต้องไม่ยกตนข่มท่าน หลีกเลี่ยงในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นว่าไม่ดี เราดีอยู่คนเดียวรังแต่จะสร้างศัตรู
          16. คนมีเสน่ห์ ไม่พูดถึงความยากของตนเอง หรือบ่นถึงความทุกของตนเองให้คนอื่นฟัง
          17. อย่าพุดถึงความรวย มีเงินทองของตนเอง เพราะว่าถึงเราจะรวย แต่เราก็คงไม่ยอมไปแจกเงินเขาหรือให้ใครยืม
          18. คนมีเสน่ห์ ย่อมจะไม่พุดถึงความเลวร้าย ความไม่ดีของคนในครอบครัว
          19. คนมีเสน่ห์ จะเป็นคนมีอารมณ์ขัน
          20. ต้องไม่แสดงความรังเกียจจนออกนอกหน้า
ภายนอกต้องเยี่ยม
          21. คนมีเสน่ห์ต้องมีน้ำใจ เอื้ออาทรต่อคนรอบข้าง
          22. คนมีเสน่ห์ ต้องทำตัวเป็นผู้ให้ มากกว่าผู้รับ
          23. เป็นคนกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมาของคนดี
          24. คนมีเสน่ห์ ย่อมมีความเสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าตกทุกได้ยาก
          25. คนมีเสน่ห์ จะเอาหลักศาสนาที่ตนนับถือ มาเป็นหลักปฏิบัติ
          26. การทำความดี เราถือว่าเป็นความสุข
          27. เมื่อมีคนติติง ก็อย่าโกรธ
          28. คนมีเสน่ห์ จะแสดงความเคารพนับถือ ครู-อาจารย์ วิทยากร
          29. ให้ความสนใจกับคำเชิญไปงานต่าง ๆ เสมอ
          30. คนมีเสน่ห์ ควรให้อภัยไม่อาฆาตจองเวรคนที่ให้อภัยทาน จะมิใบหน้ารอยยิ้ม อิ่มเอิบ ผุดผ่องเสมอ



อ้างอิง หนังสือการพัฒนาประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น